สยามสุพรีม จำหน่ายนาฬิกา SEIKO CITIZEN LUMINOX CASIO

สยามสุพรีม จำหน่ายนาฬิกา SEIKO CITIZEN LUMINOX CASIO สินค้ารับประกันศุนย์ทุกเรือน

LightBlog
Responsive Ads Here

วันเสาร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2560

‘The Modern Re-interpretation’ Prospex รหัส SPB051J และ SPB053J

เปิดโลกอีกใบที่คุณยังไม่เคยได้เห็นไปกับSEIKO PROSPEX SPB051J กับแรงบันดาลใจที่ถูกรังสรรค์จากนาฬิกาดำน้ำเรือนแรกของ SEIKO ในปี 1965 พร้อมให้คุณดำดิ่งสู่โลกใต้ท้องทะเลอีกครั้ง…
SEIKO PROSPEX SPB051J

ย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1965 ณ ขณะที่นาฬิกาซึ่งสามารถกันน้ำได้ในระดับความลึกมากกว่า 100 เมตร ยังไม่สามารถพบเจอได้มากมายเหมือนอย่างปัจจุบัน ในปีนั้นเองทาง Seiko (ไซโก) ได้นำนาฬิกาดำน้ำแบบแรกของตนออกสู่ตลาด โดยมีคุณสมบัติเด่นๆ ติดตัวมาอยู่มากมาย เริ่มตั้งแต่ระดับการกันน้ำถึงความลึก 150 เมตร  การขับเคลื่อนด้วยกลไกแบบขึ้นลานอัตโนมัติ ตลอดจนรูปทรงที่ออกแบบให้เป็นเครื่องมือที่ใช้งานง่าย ทนทาน เชื่อถือได้ และอ่านค่าต่างๆ ได้อย่างชัดเจนที่สุดในทุกสภาวการณ์ ซึ่งก็ทำให้คณะวิจัยแอนตาร์กติกของญี่ปุ่นเลือกนำนาฬิการุ่นนี้ไปเป็นเครื่องมือในงานสำรวจของคณะตั้งแต่ปี 1966 จนถึงปี 1969

ทันทีที่ Seiko เผยโฉมไฮไลต์ของนาฬิกาดำน้ำรุ่นใหม่จากตระกูล Prospex (พรอสเป็กซ์) ณ งานบาเซิลเวิลด์ 2017 กระแสการสนทนาเกี่ยวกับนาฬิการุ่นใหม่นี้ก็สะพัดไปทั่วโลก จากความงดงามในแบบฉบับดั้งเดิมที่ Seiko นำรูปแบบนาฬิกาดำน้ำรุ่นปี 1965 ของตนกลับมาให้ชื่นชมกันอีกครั้ง โดยเป็นการนำรูปแบบดั้งเดิมของรุ่นปี 1965 มาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบนาฬิกาดำน้ำดีไซน์ร่วมสมัยรุ่นใหม่ที่มีจิตวิญญาณแห่งบรรพบุรุษสถิตย์อยู่ในตัวตน

‘The Modern Re-interpretation’ Prospex รหัส SPB051J และ SPB053J คือนาฬิกาที่ Seiko สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่นาฬิกาดำน้ำแบบแรกของ Seiko เมื่อปี 1965 โดยนำดีไซน์ออริจินัลของรุ่นต้นฉบับมาเป็นแรงบันดาลใจและตีความการออกแบบขึ้นใหม่ในสไตล์ร่วมสมัย พร้อมผสานลักษณะเฉพาะและเทคโนโลยีของนาฬิกาดำน้ำ Seiko ในยุคปัจจุบันเอาไว้อย่างลงตัว

ลักษณะดั้งเดิมของรุ่นปี 1965 ที่ปรากฎอยู่บนนาฬิกา 2 รหัสนี้ เห็นได้จากดีไซน์ของรูปทรงตัวเรือน ขอบตัวเรือนแบบวงแคบ เม็ดมะยมขนาดใหญ่ และชิ้นหลักชั่วโมงดีไซน์สามมิติที่ยกตัวลอยเด่นอยู่เหนือพื้นหน้าปัด ที่ออกแบบขึ้นใหม่ด้วยแรงบันดาลใจจากดีไซน์ของรุ่นดั้งเดิม ส่วนลักษณะของยุคปัจจุบันที่นำมาใช้ก็คือ รูปทรงของเข็มขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่กว้างๆ ให้สารเรืองแสง ลูมิไบรท์ เปล่งความสว่างได้อย่างเต็มที่ พื้นหน้าปัดรวมถึงลักษณะการจัดวางโลโก้กับข้อความต่างๆ กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ทรงโค้ง เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน และตัวเรือนขนาด 42.6 มม. พร้อมความสามารถในการกันน้ำถึงระดับ 200 เมตร ทั้งยังเพิ่มความงดงามจากการขัดเงาด้วยเทคนิค ‘ซารัตสึ’ ที่บริเวณสันของตัวเรือน และมีการเคลือบตัวเรือนด้วย ‘ซูเปอร์-ฮาร์ด โค้ตติ้ง’ เพื่อป้องกันการเกิดรอยขีดข่วน และขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติรหัส 6R15 ที่สามารถสำรองพลังงานได้นานถึง 50 ชั่วโมง แสดงเวลาแบบสามเข็มพร้อมฟังก์ชั่นวันที่ ซึ่งเป็นกลไกที่สามารถตั้งเวลาได้อย่างแม่นยำด้วยเข็มวินาทีที่จะหยุดเดินเมื่อดึงเม็ดมะยมขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งปรับตั้ง และสามารถขึ้นลานด้วยเม็ดมะยมได้

นอกจากนี้ยังได้เสริมดีไซน์แบบร่วมสมัยให้เด่นชัดยิ่งขึ้นด้วยลักษณะดีไซน์ของสาย ทั้งสายสตีลแบบสามแถวสุดคลาสสิกที่มากับรุ่น SPB051J ซึ่งใช้ขอบตัวเรือนกับหน้าปัดสีดำ และรุ่น SPB053J ซึ่งใช้ขอบตัวเรือนกับหน้าปัดสีน้ำเงิน ที่มากับสายยาง ‘โพลียูรีเทน’ สีดำแบบ ‘แอคคอร์เดียน’ อันเป็นรูปแบบสายที่ทั้งทนทานและสวมใส่สบายข้อมือซึ่ง Seiko เป็นผู้สร้างสรรค์ขึ้นเมื่อปี 1975

มีจำหน่ายแล้วที่  https://siamsupreme.com/SPB051J1

Credit เว็บ http://iamwatch.net/news_view.php?id=295

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น